การขุดดินและถมดินต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงาน โดยจะต้องมีคำขอและองค์ประกอบที่ครบถ้วน ซึ่งการดำเนินการขุดดินเข้าลักษณะตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดินคือประสงค์จะทำการขุดดิน โดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตร หรือมีพื้นที่ปากบ่อดินเกินหนึ่งหมื่นตารางเมตร หรือมีความลึกหรือพื้นที่ตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนด ทั้งนี้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบรับแจ้งให้แก่ผู้แจ้งภายใน 3 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งที่ถูกต้อง

การก่อสร้างอาคารต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยเจ้าพนักงานต้องตรวจสอบพิจารณาและออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอใบกรณีมีเหตุจำเป็นที่เจ้าพนักงานไม่อาจออกใบอนุญาตหรือยังไม่อาจมีคำสั่งไม่อนุญาตได้ภายในกำหนดเวลาให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน 2 คราว คราวละไม่เกิน 45 วัน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งการขยายเวลาและเหตุจำเป็นแต่ละคราวให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบก่อนสิ้นกำหนดเวลาหรือตามที่ได้ขยายเวลาไว้นั้นแล้วแต่กรณี

หมายเหตุ : กรณีต้องการขออนุญาตเคลื่อนย้ายอาคาร ขอให้ดำเนินการผ่านช่องทาง saraban@eeco.or.th

การออกใบรับรองการก่อสร้างตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 (มาตรา 32) กฎกระทรวง เทศบัญญัติท้องถิ่น และประกาศกระทรวงมหาดไทย ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 "อาคารประเภทควบคุมการใช้" คือ
1. อาคารสำหรับใช้เป็นคลังสินค้่า โรงแรม อาคารชุด หรือสถานพยาบาล
2. อาคารสำหรับใช้เพื่อกิจการพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การศึกษา สาธารณสุข หรือกิจการอื่น

ทั้งนี้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงเมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารประเภทควบคุมการใช้ หรือผู้แจ้งตามาตรา 39 ทวิ ได้กระทำการดังกล่าวเสร็จแล้ว ให้แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบตามแบบที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนด เพื่อทำการตรวจสอบการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารนั้นให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง

ตามหลักเกณฑ์ ห้ามไม่ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ซึ่งไม่เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้ หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารดังกล่าว เพื่อกิจการตามาตร 32 เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือได้แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบแล้ว และให้นำมาตรา 25 หรือมาตรา 27  หรือมาตรา 39 ทวิ แล้วแต่กรณีมาบังคับใช้โดยอนุโลม ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้แก่การเปลี่ยนการใช้อาคารประเภทควบคุมการใช้สำหรับกิจการหนึ่ง ไปใช้เป็นอาคารประเภทควบคุมการใช้สำหรับอีกกิจการหนึ่ง โดยอนุโลม

ด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และแก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน มีผลบังคับให้เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารตามความในมาตรา 34 ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารที่ต้องมีพื้นที่หรือสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเข้าออกของรถตามที่ระบุไว้ในมาตรา 8 (9) ดัดแปลง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นดัดแปลงหรือใช้ที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเข้าออกของรถนั้นเพื่อการอื่น ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นข้อห้ามข้างต้น ให้ถือว่าเป็นภารติดพันในอสังหาริมทรัพย์ นั้นโดยตรงตราบที่อาคารนั้นยังมีอยู่ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีการโอนที่จอดรถ ที่กลับรถและทางเข้าออกของรถนั้นต่อไปยังบุคคลอื่นหรือไม่ก็ตาม

ใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร (ตามมาตรา 21) ให้ใช้ได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในใบอนุญาต ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคําขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ และเมื่อได้ยื่นคําขอดังกล่าวแล้ว ให้ดําเนินการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุ ใบอนุญาตนั้น

กรณีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร (ตามมาตรา 21) แล้วมีการเปลี่ยนแปลงแผนผังบริการ แบบแปลน ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาตสามารถแจ้งความประสงค์ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงแผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลน ต่อเจ้าพนักงานโดยจะได้รับใบรับแจ้งภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่เอกสารครบถ้วนถูกต้อง

ผู้ใดก่อสร้างอาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานก็ได้ โดยการแจ้งต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 39 ทวิ เมื่อผู้แจ้งได้ดำเนินการแจ้งแล้ว เจ้าพนักงานต้องออกใบรับแจ้งตามแบบที่เจ้าพนักงานกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานการแจ้งให้แก่ผู้นั้นภายในวันที่ได้รับแจ้ง ในกรณีที่เจ้าพนักงานตรวจพบในภายหลังว่าผู้แจ้งได้แจ้งข้อมูลหรือยื่นเอกสารไว้ไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว และภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้ออกใบรับแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ หรือนับแต่วันที่เริ่มการก่อสร้างอาคารตามที่ได้แจ้งไว้ ถ้าเจ้าพนักงานได้ตรวจพบว่าการก่อสร้างอาคารที่ได้แจ้งไว้ แผนผังบริเวณ แบบแปลนรายการประกอบแบบแปลนหรือรายการคำนวณของอาคารที่ได้ยื่นไว้ตามมาตรา 39 ทวิ ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง หรือข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้เจ้าพนักงานมีหนังสือแจ้งข้อทักท้วงให้ผู้แจ้งตามมาตรา 39 ทวิ ทราบโดยเร็ว

ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 30 กำหนดว่า เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตจะบอกเลิกตัวผู้ควบคุมงานที่ได้แจ้งชื่อไว้ให้มีหนังสือแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกทราบ แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการกระทบถึงสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งระหว่างผู้ได้รับอนุญาตกับผู้ควบคุมงานนั้น

1. เครื่องจักรที่จะจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ได้ ตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514  
   1.1 ต้องเป็นเครื่องจักร ตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514  
   1.2 ต้องเป็นเครื่องจักรตามบัญชี 1 (อ้างอิง กฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2532))  
   1.3 ต้องเป็นเครื่องจักรสำหรับใช้ในกิจการอุตสาหกรรมตามบัญชี 2 (อ้างอิง กฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2532) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2538))  
   1.4 ต้องผ่านการตรวจสอบจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือจากผู้ตรวจสอบเครื่องจักรเอกชน (อ้างอิง มาตรา 8/1 พ.ร.บ. จดทะเบียนเครื่องจักร ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2558))
2. ผู้ขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์  
   2.1 ต้องเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร  (อ้างอิง มาตรา 3 กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2514) และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) สามารถยื่นคําขอด้วยตนเองหรือมอบอํานาจให้ผู้อื่นมายื่นก็ได้  
   2.2 คําขอที่ยื่นต้องถูกต้องและมีเอกสารหลักฐานประกอบคําขอครบถ้วน (อ้างอิง กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2514)) และพร้อมที่จะให้ข้อเท็จจริงหรือเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หรือนําบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคําได้ตามความจําเป็น (อ้างอิงมาตรา 9 พ.ร.บ. จดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514)

1. ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจยื่นคำขอแบ่งแยกรายการเครื่องจักร ซึ่งได้จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ไว้แล้ว (อ.1/12) พร้อมเอกสารประกอบคำขอฯ ต่อนายทะเบียนทีไ่ด้ออกหนังสือสำคัญนั้น
2. ต้องเป็นเครื่องจักรที่ได้รับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรไว้แล้ว ตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ.2514
3. กรณีเครื่องจักรติดภาระจำนอง ต้องมีเอกสารหนังสือยินยอมจากผู้รับจำนอง
4. การขอแบ่งแยกรายการเครื่องจักรฯ ออกไปจากหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องจักรฉบับใดๆ มากกว่าหนึ่งฉบับ ให้ยื่นคำขอเท่ากับจำนวนหนังสือสำคัญฯ ที่จะขอแบ่งแยกไป

ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจยื่นคำขอย้ายเครื่องจักร (อ.1/25) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบคำขอต่อนายทะเบียนท้องที่ที่เครื่องจักรนั้นตั้งอยู่ ทราบก่อนวันที่จะย้ายเครื่องจักรนั้น ไม่น้อยกว่า 15 วัน

ผู้จำนอง/ผู้ขายฝากเครื่องจักร หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์เครื่องจักร  
1. ผู้จำนอง หรือผู้รับมอบอำนาจยื่นคำขอจดทะเบียนจำนอง/ขายฝากเครื่องจักร (อ.1/2) พร้อมด้วย เอกสารหลักฐานประกอบคำขอ  
2. เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจคำขอและเอกสารหลักฐาน หากครบถ้วนถูกต้อง จะรับคำขอไว้  
3. ผู้จำนอง และผู้รับจำนอง หรือผู้ขายฝาก และผู้รับซื้อฝากลงนาม ในสัญญาจำนอง/ขายฝาก เครื่องจักร  
4. ผู้จำนอง และผู้รับจำนอง หรือผู้ขายฝาก และผู้รับซื้อ ฝากลงนามในบันทึกผู้ขอจดฯ  
5. ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าหน้าที่พิจารณารับคำขอแล้ว

ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอจดทะเบียนการไถ่ถอนจำนอง/ขายฝากเครื่องจักร (อ.1/3) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอํานาจยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมอย่างอื่นเกี่ยวกับเครื่องจักรที่ได้จดทะเบียนกรรมสิทธิ์ไว้แล้ว (อ.1/4) ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ผู้รับโอนสิทธิรับจำนอง(ผู้รับจำนอง) หรือ ผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอ/หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนโอนสิทธิรับจำนองเครื่องจักร (อ.1/13) พร้อมด้วยเอกสารประกอบ ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

1. ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของเครื่องจักร (อ.1/6) พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ ต่อนายทะเบียนทีไ่ด้ออกหนังสือสำคัญนั้น
2. ต้องเป็นเครื่องจักรที่ได้รับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรไว้แล้ว ตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ.2514
3. เครื่องจักรที่จดทะเบียนไว้ หากมีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ ให้ขอจดทะเบียนฯ ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง กรณีเครื่องจักรติดจำนอง ต้องมีเอกสารยินยอมจากผู้รับจำนอง (มาตรา 12)

1. ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอทั่วไป (อ.1/8) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
2. การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องจักร เป็นการดำเนินการทางนิติกรรม เช่น การขอเปลี่ยนแปลงชื่อสกุล ชื่อสำนักงาน ที่อยู่ของผู้ถือกรรมสิทธิ์ ชื่อสถานที่ตั้งเครื่องจักร รายละเอียดต่างๆ ของสถานที่ตั้งเครื่องจักร เป็นต้น

1. ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำขอทั่วไป (อ.1/8) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
2. คืนแผ่นป้ายทะเบียนเครื่องจักร และหนังสือสำคัญ (ร.2/1) ที่จะขอยกเลิก หากแผ่นป้ายทะเบียนเครื่องจักร หรือหนังสือสำคัญ (ร.2/1) นั้นสูญหาย ให้ใช้ใบแจ้งความที่ระบุหมายเลขทะเบียน เครื่องจักร และเลขที่ ร.2/1

ผู้ถือกรรมสิทธิ์เครื่องจักร หรือผู้รับมอบอำนาจยื่นคำขอทั่วไป (อ.1/8) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานประกอบคำขอ โดยระบุความประสงค์ขอแผ่นฝ้ายทะเบียนเครื่องจักร ต่อนายทะเบียนที่ได้ออกหนังสือสำคัญนั้น

1. ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในแต่ละประเภทกิจการ (ตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดไว้ในข้อกำหนดของท้องถิ่นให้เป็นกิจการที่ต้องควบคุมในเขตท้องถิ่นนั้น) ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)  โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ  สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)
2. ผู้ประสงค์จะยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (อภ.1) เฉพาะประเภทหรือขนาดของกิจการที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด จะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายก่อนยื่นคำขอ

ผู้ใดประสงค์ขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในแต่ละประเภทกิจการ (ตามที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดไว้ในข้อกำหนดของท้องถิ่นให้เป็นกิจการที่ต้องควบคุมในเขตท้องถิ่นนั้น) จะต้องยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ  (ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต) เมื่อได้ยื่นคำขอพร้อมกับเสียค่าธรรมเนียมแล้วให้ประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่า สกพอ. จะมีคำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตและหากผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตไม่ได้มายื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนวันใบอนุญาตสิ้นสุดแล้วต้องดำเนินการขออนุญาตใหม่เสมือนเป็นผู้ขออนุญาตรายใหม่ ทั้งนี้หากมายื่นขอต่ออายุใบอนุญาตแล้วแต่ไม่ชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินที่ค้างชำระและกรณีที่ผู้ประกอบการค้างชำระค่าธรรมเนียมติดต่อกันเกินกว่า 2 ครั้ง สกพอ. มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดดำเนินการไว้ได้จนกว่าจะเสียค่าธรรมเนียมและค่าปรับจนครบจำนวน

ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลง ขยาย หรือลดการประกอบกิจการ สถานที่ หรือเครื่องจักรของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต้องยื่นคำขอตามแบบ อภ.4 ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และเมื่อได้รับอนุญาตจาก สกพอ. แล้วจึงจะดำเนินการได้

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อโดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนดพร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

1. ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนดพร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)
2. ผู้ประสงค์จะยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ (ตช.1) ด้วยวิธีการเผาในเตาเผาจะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายก่อนยื่นคำขอ

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการเก็บ และขนมูลฝอยทั่วไป โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

1. ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วย การคิดค่าบริการต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนดพร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)
2. ผู้ประสงค์จะยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอยทั่วไป (สม.1) ด้วยวิธีการเผาในเตาเผา หรือด้วยวิธีการฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล จะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายก่อนยื่นคำขอ

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการเก็บ และขนสิ่งปฏิกูล โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการกำจัดสิ่งปฏิกูลโดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนดพร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตจัดตั้งตลาด (ยกเว้น กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรของรัฐที่ได้จัดตั้งตลาดขึ้นตามอำนาจหน้าที่ แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของท้องถิ่น) ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร พื้นที่เกิน 200  ตารางเมตร และมิใช่เป็นการขายของในตลาด ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่สะสมอาหาร พื้นที่เกิน 200 ตารางเมตร และมิใช่เป็นการขายของในตลาด ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอต่ออายุใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พื้นที่เกิน 200 ตารางเมตร และมิใช่เป็นการขายของในตลาด จะต้องยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)  ก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ (ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต) เมื่อได้ยื่นคำขอพร้อมกับเสียค่าธรรมเนียมแล้วให้ประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะมีคำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต และหากผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตไม่ได้มายื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนวันใบอนุญาตสิ้นสุดแล้ว ต้องดำเนินการขออนุญาตใหม่เสมือนเป็นผู้ขออนุญาตรายใหม่  ทั้งนี้หากมายื่นขอต่ออายุใบอนุญาตแล้ว แต่ไม่ชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนด จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินที่ค้างชำระ และกรณีที่ผู้ประกอบการค้างชำระค่าธรรมเนียมติดต่อกันเกินกว่า 2 ครั้ง สกพอ. มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดดำเนินการไว้ได้จนกว่าจะเสียค่าธรรมเนียมและค่าปรับจนครบจำนวน

ผู้ใดประสงค์ขอจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารในอาคารหรือพื้นที่ใดซึ่งมีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร และมิใช่เป็นการขายของในตลาด ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) เพื่อขอรับหนังสือรับรองการแจ้ง ทั้งนี้ผู้ขอรับหนังสือรับรองการแจ้ง สามารถดำเนินกิจการได้ทันทีหลังจากยื่นคำขอ โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการแจ้งตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอจัดตั้งสถานที่สถานที่สะสมอาหารในอาคารหรือพื้นที่ใดซึ่งมีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร และมิใช่เป็นการขายของในตลาด ต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) เพื่อขอรับหนังสือรับรองการแจ้ง ทั้งนี้ผู้ขอรับหนังสือรับรองการแจ้ง สามารถดำเนินกิจการได้ทันทีหลังจากยื่นคำขอ โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการแจ้งตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

ผู้ใดประสงค์ขอใบอนุญาตจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ (ตามเขตประกาศควบคุมการจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะในลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร) ต้องยื่นขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.) โดยยื่นคำขอตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งเอกสารประกอบการขออนุญาตตามข้อกำหนดของท้องถิ่น ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (สกพอ.)

1. ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันเริ่มประกอบกิจการ  (มาตรา 11)
2. ผู้ประกอบพาณิชยกิจสามารถยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ด้วยตนเองหรือจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นจดทะเบียนแทนก็ได้
3. ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับรองรายการในคำขอจดทะเบียนและเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียน
4. แบบพิมพ์คำขอจดทะเบียน (แบบทพ.) หรือหนังสือมอบอำนาจสามารถขอได้จากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือดาวน์โหลดจาก www.dbd.go.th

จดทะเบียนพาณิชย์เปลี่ยนแปลง ต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่เปลี่ยนแปลงรายการ ดังนี้
1. เปลี่ยนชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ
2. เลิกประกอบพาณิชยกิจบางส่วน หรือเพิ่มใหม่
3. เพิ่มหรือลดเงินทุน
4. ย้ายสำนักงานใหญ่
5. เปลี่ยนผู้จัดการ
6. เจ้าของหรือผู้จัดการเปลี่ยนที่อยู่
7. ย้าย เลิก หรือเพิ่มสาขา โรงเก็บสินค้า หรือตัวแทนค้าต่าง
8. แก้ไขเพิ่มเติมผู้เป็นหุ้นส่วน (หุ้นส่วนเข้า/ออก) เงินลงหุ้น จำนวนเงินลงทุนของห้าง
9. จำนวนเงินทุน จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้นของบริษัทจำกัด จำนวนและมูลค่าหุ้นที่บุคคลแต่ละสัญชาติถืออยู่
10. รายการอื่นๆ เช่น แก้ไขชื่อเว็บไซต์ ชื่ออักษรโรมัน ฯลฯ

1. จดทะเบียนเลิก ต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่เลิกประกอบพาณิชยกิจ
2. ผู้ประกอบพาณิชยกิจสามารถยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ด้วยตนเองหรือจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นจดทะเบียนแทนก็ได้

เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่เป็นโรงงานในเขตประกอบการอุตสาหกรรมตามมาตรา 30 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและไม่เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522 ที่พร้อมจะเริ่มประกอบกิจการโรงงาน และต้องเป็นการแจ้งเริ่มประกอบกิจการโรงงานก่อนวันเริ่มประกอบกิจการจริงไม่น้อยกว่า 15 วัน และต้องเป็นการแจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต หรือภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ขยายเวลาในการแจ้งประกอบกิจการโรงงาน

1. เป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ. 2535
2. เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมตามมาตรา 30
3. มีเอกสารประกอบการพิจารณาครบถ้วนถูกต้อง
4. ที่ตั้งสภาพแวดล้อมลักษณะอาคารและลักษณะภายในของโรงงานต้องถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535 ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ. 2535 และไม่ขัดกฎหมายอื่นที่กำหนดห้ามตั้งโรงงานจำพวกที่ 2
5. ผู้ยื่นคำขอประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.1) ต้องเป็นผู้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามที่กฎหมายกำหนดและต้องยื่นคำขอภายใน 45 วันนับแต่วันประกาศสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

1. เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่เป็นโรงงานในเขตประกอบอุตสาหกรรมตามมาตรา 30 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและไม่เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2522
2. มีความประสงค์และพร้อมจะทดลองเดินเครื่องจักรโดยต้องแจ้งขอทดลองเดินเครื่องจักรก่อนวันเริ่มทดลองเดินเครื่องจักรจริงไม่น้อยกว่า 15 วัน และระยะเวลาในการทดลองเดินเครื่องจักร ต้องไม่เกิน 60 วัน
3. ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่เป็นประเภทหรือชนิดโรงงานลำดับที่กำหนดในบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการทดลองเครื่องจักร พ.ศ. 2553 ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในข้อ 6 ของกฎกระทรวงดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนการแจ้งทดลองเดินเครื่องจักร

1. เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยไม่เป็นโรงงานในเขตประกอบอุตสาหกรรม ตามมาตรา 30 ตามพ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและไม่เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522
2. ให้แจ้งเป็นหนังสือต่อผู้อนุญาตไม่น้อยกว่า30 วันก่อนวันเลิกประกอบกิจการ
3. ในกรณีที่ผู้อนุญาตเห็นว่าโรงงานมีสภาพที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความเดือดร้อนแก่บุคคล ทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานให้แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตนั้นแก้ไขปรับปรุงโรงงานภายในระยะเวลาที่กำหนดได้และให้ถือว่าผู้นั้นมีฐานะเสมือนเป็นผู้ประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะดำเนินการตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่หากผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้นำมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

การขออนุญาตจัดสรรที่ดินต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 โดยผู้ขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดิน ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาแห่งท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ พร้อมหลักฐาน